แค่ก้าวเดียว เจาะ 5 หลักสำคัญ อังกฤษ เฉือน เดนมาร์ก เข้าชิงยูโรสมัยแรก
1 min readแค่ก้าวเดียว 55 ปีที่รอคอยการบรรลุผลในระดับประเทศเวลานี้ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว เมื่อ แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมฟุตบอลชาติอังกฤษ
แค่ก้าวเดียว 55 ปีที่รอคอยการบรรลุผลในระดับประเทศเวลานี้ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว เมื่อ แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมฟุตบอลชาติอังกฤษ สามารถนำกองทัพ “สิงโตคำราม” ปราบ เดนมาร์ก2-1 ภายหลังจากต่อสู้กันนานถึง 120 นาที ในรอบรองชนะเลิศ ศึกยูโร 2020
คอบอล “ทรี ไลอ้อนส์” เสียขวัญแว๊บเมื่อโดน มิคเคล ดัมส์การ์ด ซัดฟรีคิกระยะ 25 หลาส่งบอลซุกก้นตาข่ายอย่างงดงาม และก็เป็นการเสียประตูแรกของอังกฤษ ในทัวร์นาเมนต์นี้ แม้กระนั้นแล้วหลังจากนั้นไม่นาน ซิมง เคียร์ ทำผิดพลาดสกัดบอลเข้าประตูตนเอง
ตอนที่เหลือหากแม้ อังกฤษจะเริ่มบุกใส่ตลอดแม้กระนั้นยิงเพิ่มไม่ได้จบเกม 90 นาทีเท่ากัน 1-1 ทำให้จะต้องมาด้วยกันในช่วงทดเวลา 30 นาที รวมทั้งเป็น แฮร์รี่ เคน ที่สวมบทฮีโร่ ซัดประตูสำคัญนำ “สิงโตคำราม” เข้ารอบชิงใน ยูโร เป็นครั้งแรก โดยจะไปพบกับ อิตาลี วันอาทติย์นี้
แผงแบ็กโฟร์สุดเข้มแข็ง เซาธ์เกตเลือกใช้แผนกองข้างหลัง 4 คนภายในแมตช์นี้รวมทั้งถือเป็นการวางแท็กติกที่ถูกต้องเพราะว่า แฮร์รี่ แม็กไกวร์, จอห์น สโตนส์, ลุค ชอว์ รวมทั้ง ไคล์ วอล์คเกอร์ ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดียิ่งยอดเยี่ยมดเลยจริงๆ
จังหวะที่ อังกฤษเสียประตูอาจไม่สามารถใส่ร้ายอีกทั้ง 4 คนได้เลย เพราะว่าการยิงฟรีคิกของ มิคเคล ดัมส์การ์ด มันเพอร์เฟ็คอย่างมาก แต่ว่าจากนั้นพวกเขาแทบจะไม่มีจังหวะบกพร่องให้มองเห็นเลยตลอด 120 นาที
ถ้าหากจะชี้เป้าผู้ที่เด่นที่สุดในเกมรับของกลุ่มอาจหนีไม่พ้น แม็กไกวร์ เพราะว่าเจ้าตัวเล่นได้อย่างหนักแน่นอีกทั้งลูกในอากาศ แล้วก็ลูกบนพื้น แถมยังมีจังหวะที่ใส่ขึ้นไปโหม่งทำแต้ม แต่ว่าเจอซูเปอร์เซฟของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล
สถิติในเกมรับของกัปตันกลุ่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ๋งมากๆโดยเขาเอาชนะการดวลแบบตัวต่อตัวได้ถึง 13 ครั้ง, เคลียร์บอลขาด 5 ครั้ง, ตัดบอล 5 ครั้ง จำต้องบอกเลยว่านี่เป็นฟอร์มที่เพอร์เฟกต์มากมายๆ
ในตอนที่ สโตนส์ นับว่าเป็นคู่คิดที่เพอร์เฟ็คของ แม็กไกวร์ โดยเขาทำผลงานได้ดีมากมายๆแต่ว่าบางทีอาจจะไม่ได้เด่นเท่ากับ แม็กไกวร์ ด้าน ชอว์ กับ วอล์คเกอร์ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ได้มีคุณภาพอีกทั้งเกมรุก รวมทั้งเกมรับ ผลบอลล่าสุด
แค่ก้าวเดียว สามารถดันเกมขึ้นสูงเพื่อช่วยสร้างจังหวะให้เพื่อร่วมทีม แถมยังลงมาเล่นเกมยอมรับได้อย่างแน่นแฟ้นด้วย เซาธ์เกตวางหมากได้ถูกอีกรอบ เป็นอีกรอบที่ เซาธ์เกต บ่งบอกถึงถึง “กึ๋น” สำหรับการวางแท็กติกเพื่อใช้ต่อสู้กับคู่ต่อสู้ในแต่ละเกม
นำกองทัพ “สิงโตคำราม” ปราบ เดนมาร์ก 2-1
แค่ก้าวเดียว โดยแมตช์นี้เจ้าตัวมีการจัดวางผู้เล่นได้อย่างเหมาะควรทุกตำแหน่ง แล้วก็ทำให้กลุ่มทำผลงานได้มีคุณภาพ เกมนี้ อังกฤษเล่นได้อย่างแจ๋วมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหลังซึ่งสามารถกางเกมได้ตลอด แต่ว่าสิ่งที่ผู้คนจำนวนมากสงสัยก็คือเพราะเหตุไร
เซาธ์เกต ถึงแปลงผู้เล่นเพียงแค่ผู้เดียว ในเวลาที่เดนมาร์ก ใช้โควตาเกือบจะหมดในตอนระหว่าง 90 นาที จนถึงขยายเวลาพิเศษถึงได้ส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ฟิล โฟเด้น ลงสู่สนาม ซึ่งนั่นเป็นการตอบทุกคำถามได้โดยทันที
เนื่องจากว่าเพียงเท่านี้ฟอร์มของ อังกฤษก็โดดเด่นเหนือเดนมาร์ก มากยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า อีกทั้งกำลังวังชาสำหรับการเล่นเกมบุก การมีไว้ในครอบครองเกม แล้วก็การผลิตช่องทางสำหรับการทำคะแนน
ความมีชัยในแมตช์นี้แน่นอนว่าส่วนใดส่วนหนึ่งมาจากการตัดสินใจที่รอบคอบของ เซาธ์เกต ตั้งแต่เลือก 11 ตัวจริง การวางเป้าหมาย รวมทั้งการเปลี่ยนตัว ด้วยเหตุผลดังกล่าวในนัดหมายชิงวันอาทิตย์นี้แฟนบอลอังกฤษ
อาจจำเป็นต้องลุ้นว่าการวางแท็คติกของเขา จะสู้กับจอมวางแผนอย่าง โรแบร์โต้ มันชินี่ ได้ไหม !! เคนเป็นทุกอย่างให้แล้ว เกมนี้ แฮร์รี่ เคน ชี้ให้เห็นแล้วว่าเพราะเหตุไรเขาถึงเป็นนักฟุตบอลที่มีความหมายกับอังกฤษมากมายๆ
โดยเจ้าตัวไม่ใช่แค่ “หน้าเป้า” ที่รอทำประตูแค่นั้น แต่ว่าเขายังเป็นผู้ที่ลงมาล้วงบอลเอง, สร้างช่องทางให้เพื่อนฝูงร่วมกลุ่ม รวมทั้งหาจังหวะทำประตู หัวหอกท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เป็นผู้ที่จ่ายบอลสุดเฉียบคมให้กับ บูคาโย่ ซาก้า หลุดกับล้ำหน้าก่อนที่จะผ่านบอลเข้ากึ่งกลาง
และก็ทำให้ ซิมง เคียร์ สกัดบอลพลาดเข้าประตูตนเอง จนกระทั่งทำให้กลุ่มตีเสมอได้เร็ว นอกเหนือจากนั้น เคน ยังแทบช่วยทำให้กลุ่มได้จุดลูกโทษด้วยในนาทีที่ 75 เคนปฏิบัติหน้าที่ติดต่อประสานงานกับ ราฮีม สเตอร์ลิง แล้วก็ ซาก้า ได้อย่างลงตัว
โดยเขาเล่นราวกับเป็นผู้เล่นเบอร์ 10 (ผู้เล่นคนสำคัญ) มากยิ่งกว่าผู้เล่นเบอร์ 9 (หน้าเป้า) เนื่องจากเจ้าตัวชอบลงมารับบอลลึกเพื่อสร้างช่องทางให้กับเพื่อนฝูงร่วมกลุ่มในตอน 90 นาที ก่อนที่จะเขาจะสวมบทวีรบุรุษซัดประตูชัดจากจุดลูกโทษในช่วงทดเวลา
ผลงานสำหรับเพื่อการลากบอลเพื่อไปเอาฟรีคิก, รอดึงจังหวะเกมให้ช้าเมื่อกลุ่มเป็นต่อเรื่องสกอร์, บากบั่นสร้างจังหวะให้เพื่อนพ้องร่วมกลุ่มหลายต่อหลายหน และก็ทำประตูชัย จำเป็นต้องบอกเลยว่านี่เป็นฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของกัปตันทีมชาติอังกฤษอย่างแท้จริง
นอกเหนือจากนั้นเวลานี้ เคน มีลุ้นครอบครองรางวัลดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์ ภายหลังที่ซัดไปแล้ว 4 ประตู ตามหลัง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ แพทริค ชิค เพียงแค่ลูกเดียว แล้วก็เขายังมีลุ้นทำแต้มเพิ่มเนื่องจากได้นำทีมลงเล่นในเกมนัดหมายชิงแชมป์
ชไมเคิ่ล ฟอร์มหนึบแต่ว่าก็ไปสุดได้เพียงนี้ ถ้าเกิดจะหานักฟุตบอลที่ทำผลงานได้ดีที่สุดของเดนมาร์ก บอกเลยว่า แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เหมาะสมได้รับการสรรเสริญอย่างที่สุด เพราะเหตุว่าหากว่าไม่มีเขายืนเฝ้าเสาในเกมนี้ คาดว่าทัพ “โคนม” สกอร์คงจะแพ้ขาดกระจายอย่างยิ่งจริงๆ
ชไมเคิ่ลจูเนียร์ โชว์ฟอร์มได้สุดเหนียวโดยสามารถพุ่งปัดจังหวะโหม่ของ แม็กไกวร์ ได้อย่างเหลือเชื่อ รวมถึงปกป้องจังหวะการทำประตูของ สเตอร์ลิง ยังไม่หมดเท่านั้นเขายังโชว์เซฟปัดลูกยิงของ เคน ด้วย แล้วก็ตีบอลจากการซัดของ แจ็ค กรีลิช นี่เพียงแค่ชอตเด็ดๆที่เจ้าตัวชี้ให้เห็นในเกมนี้
สถิติรวมสำหรับการปกป้องของ นายทวาร “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ในแมตช์นี้อยู่ที่ 9 ครั้ง แต่ว่าตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์เขาปกป้องได้ถึง 18 ครั้ง ถึงกระนั้นมันไม่พอที่จะทำให้เขานำ เดนมาร์กลุ้นแชมป์ยูโรสมัยที่ 2
โชคร้ายจริงๆที่ แคสเปอร์ ไม่อาจจะเดินตามรอยเท้าคุณพ่อปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ที่ช่วยกองทัพ “โคนม” ครอบครองแชมป์ยูโร 92 เพราะว่าก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเขาสามารถครอบครองแชมป์พรีเมียร์ลีก รวมทั้งเอฟเอ คัพ ได้แล้ว ขาดเพียงแค่เกียรติยศระดับชาติแค่นั้น
สิ่งที่รอคอยมานานกว่า 55ปี ตั้งแต่แมื่อที่อังกฤษ ได้ชูโทรฟี่จูลส์ ริเมต์ เมื่อปี 1966 พวกเขาก็ไม่เคยได้ใกล้กับการบรรลุผลในทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์อีกเลย ใกล้เคียงสุดก็แค่การเข้าไปในรอบรองชนะเลิศเพียงแค่นั้น
แน่นอนว่าการที่ เซาธ์เกต สามารถนำกองทัพ “สิงโตขู่คำราม” เข้าไปสู่รอบชิงแชมป์ได้เสร็จเป็นครั้งแรกในรอบเป็นเวลานานกว่าครึ่งศตวรรษ นับว่าเป็นเรื่องที่แฟนบอลอังกฤษสุดมีความสุขที่สุด ด้วยเหตุว่านี่เป็นสิ่งที่พวกเขารอกันมานานแสนนาน
แม้กระนั้นการจำต้องพบกับ อิตาลี ที่มีเกมรับแน่นแฟ้น รวมทั้งมีเกมรุกที่เฉียบคม ที่สำคัญพวกเขาเล่นกันได้อย่างเข้ากัน ช่วงเวลาเดียวกันความรู้ความเข้าใจเฉพาะบุคคลของขุนกำลัง “อัซซูรี่” ก็สะดุดตา นี่ก็เลยเป็นปัญหาที่มีความสำคัญที่อังกฤษ ควรต้องต่อสู้ไปให้ได้
ในตอนนี้เหลืออีกเพียงแค่ก้าวเดียวเพียงแค่นั้นที่อังกฤษ จะสามารถนำแชมป์ยูโรยุคแรกมาแต่งแต้มบารมีให้สมเกียรติกับคำว่าดินแดนที่ให้กำเนิดเกมลูกหนัง แล้วก็ยังเป็นแชมป์ระดับประเทศที่พวกเขาไม่ได้สัมผัสมานานอย่างมาก
แค่ก้าวเดียว ฟุตบอล’ส คัมมิ่ง โฮม!” จะดังสนั่นหวั่นไหวเป็นสองเท่าทั่วสนามเวมบลีย์ข้างหลังเสียงนกหวีดหมดเวลาในเกมนัดหมายชิง วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคมนี้ หรือเปล่า ประเดี๋ยวจะได้ทราบกัน สเปนบอดโทษ